เวนิส (Venezia) ประเทศอิตาลี (Italy)
เวนิส (Venezia) เมืองที่โรแมนติกติดอันดับต้นๆ ของโลก “เมืองที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน” มีเกาะเล็กใหญ่มากมายรายล้อม นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือกอนโดลา (Gondola) เรือพายพื้นบ้านของชาวเวนิส เพื่อชมความงามของเมือง
สถานที่สำคัญของเวนิส
โบสถ์ซานมาร์โค (Basilica di San Marco) หรือ Saint Mark's Basilica
โบสถ์นี้มีฉายาว่าโบสถ์ทอง (Church of Gold) เป็นโบสถ์ประจำเมืองที่มีความสำคัญกับเมืองเวนิสมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน โบสถ์สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 829 ตัวโบสถ์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคไบแซนไทน์จนถึงยุคเรอเนสซองส์
การสร้างโบสถ์นี้มีที่มาว่า สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญมาร์ค ผู้ซึ่งเป็นที่นับถือในเวนิส ในฐานะนักบุญผู้เผยแผ่ศาสนาที่อิยิปต์ และถูกประหารชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 828 พ่อค้าชาวเมืองเวนิสไปขโมยศพของนักบุญเซนต์มาร์ก มาจากเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ แล้วนำมาถวายเจ้าผู้ครองเมืองเวนิสในขณะนั้น ซึ่งเจ้าผู้ครองเมืองก็ได้สร้างโบสถ์นี้ไว้เก็บศพของนักบุญเซนต์มาร์กเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน
การสร้างโบสถ์นี้มีที่มาว่า สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญมาร์ค ผู้ซึ่งเป็นที่นับถือในเวนิส ในฐานะนักบุญผู้เผยแผ่ศาสนาที่อิยิปต์ และถูกประหารชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 828 พ่อค้าชาวเมืองเวนิสไปขโมยศพของนักบุญเซนต์มาร์ก มาจากเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ แล้วนำมาถวายเจ้าผู้ครองเมืองเวนิสในขณะนั้น ซึ่งเจ้าผู้ครองเมืองก็ได้สร้างโบสถ์นี้ไว้เก็บศพของนักบุญเซนต์มาร์กเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน
จุดเด่นของโบสถ์ คือ ด้านหน้าโบสถ์เป็นซุ้มประตูโค้ง 5 ช่อง แต่ละช่องประดับด้วยโมเสกสีทองจากกรีซ มีภาพการเชิญศพนักบุญมาร์กมาเวนิส
ม้าทั้งสี่ตัวก็ถูกนำกลับคืนมาเวนิส ปัจจุบันม้าทั้งสี่ ตัวจริงเก็บอยู่ภายในโบสถ์ ส่วนที่เห็นด้านนอกในปัจจุบันเป็นม้าที่จำลองขึ้นแทน
ตรงระเบียงยาวด้านบนมีรูปหล่อบรอนซ์ม้า 4 ตัว ม้าทองบรอนซ์เหล่านี้นำมาจากประตูชัยที่กรุงคอนสแตนติโนเปิ้ลเมื่อ ค.ศ. 1204 หลังสงครามครูเสด ม้าทั้งสี่มีชื่อว่า The Triumphal Quadriga เมื่อนโปเลียนยึดครองเวนิส ได้นำม้าทั้งสี่ไปประดับประตูชัยที่กรุงปารีส ต่อมาเมื่อนโปเลียนหมดอำนาจลง
ภายในโบสถ์เป็นที่เก็บรักษาศพของนักบุญมาร์ค จุดที่น่าสนใจอยู่ที่เพดาน กำแพง มีภาพจิตรกรรมซึ่งตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองประดับประดาด้วยหินสีมีค่า ครอบคลุมระยะกว่า 4,000 ตารางเมตร เป็นเรื่องราวการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ของนักบุญมาร์คและเรื่องราวในพระคัมภีร์
ด้านหลังแท่นบูชาในโบสถ์คือ ปาลา โดโร (Pala d'Oro) เป็นศาสนวัตถุฝีมือช่างทองเวเนเชี่ยนสมัยศตวรรษที่ 14 เป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งของเวนิสที่เก็บรักษาอยู่ในโบสถ์นี้ ปาลา โดโร เป็นแผ่นประดับแท่นบูชาที่ทำด้วยทองคำลงยา 225 แผ่น แต่ละแผ่นฝังอัญมณีมีค่าเช่น ไข่มุก มรกต ทับทิม โกเมน บุษราคัม ไพลิน และอื่น ๆ
นอกจากนี้ภายในโบสถ์ยังมีพิพิธภัณฑ์ อยู่ด้วยด้านบน ซึ่งจัดแสดงของมีค่าโบราณ ภาพจิตรกรรม ม้าบรอนซ์ กระเบื้องโมเสค บันทึกเรื่องราวต่างๆ สมัยยุคกลาง รวมทั้งหนังสือโบราณอายุกว่า 500 ปี
เปิดให้เข้าชมวันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 9.45 - 17.00น. ส่วนวันอาทิตย์ เปิดให้เข้าชมเวลา 14.00 - 17.00น.ไม่เสียค่าเข้าชมถ้าเข้าเฉพาะโบสถ์และต้องเเต่งกายสุภาพ ขาสั้น สายเดี่ยวห้ามเข้า แต่ถ้าเข้าพิพิธภัณฑ์ในนั้นจะเสียค่าเข้าแตกต่างกันไป
บริเวณหน้าโบสถ์เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ ศูนย์รวมของทุกอย่างที่เป็น ‘เวนิส’ เป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดัง รอบจตุรัสเซนมาร์คเรียงรายด้วยร้านอาหาร สินค้าแบรนด์เนม ร้านขายของที่ระลึก รวมไปถึงฝูงนกพิราบ จัตุรัสนี้มีอาคารที่สำคัญสองแห่งคือ หอระฆัง และหอนาฬิกา
ของที่ระลึก
หน้ากากแฟนซี เวนิสนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของเทศกาลคาร์นิวัล จึงมีหน้ากากแฟนซีหลากแบบหลายสไตล์ให้เลือก มากมาย ประดับประดาด้วยวัสดุสวยงาม
แก้วเป่าจากโรงงานเป่าแก้วมูราโน จัดเป็นงานฝีมือที่มีชื่อเสียงของเวนิส มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่เครื่องประดับชิ้นเล็ก เครื่องแ ก้ว กรอบรูป แจกัน ฯล